จะมีใครเหมือนฉันบ้าง (1)
โพสต์แล้ว: 20 เม.ย. 2019 01:48
				
				1.	ปล้น    ในราวปี 2548  ขณะกลับจากบ้านนอก  ถึงหน้าบ้านมีคนเข้ามาทัก คุยกับผู้มาทัก ในเวลาเดียวกันเห็นชายคนหนึ่งโผล่มาจากหลังตู้ในบ้าน  เข้าใจว่าเป็นเพื่อนพี่ (อาจจะเผลอยิ้มให้โจรชั่วโดยไม่รู้ตัว) จึงยืนอยู่หน้าบ้าน โจรชั่วรีบรวบรวมสิ่งของที่เขาต้องการ พร้อมทั้งทักที่พี่ว่า “ไปก่อนนะเฮีย” เขาออกไปได้อย่างสบาย ฉันไม่ทันสังเกตว่าพี่นั่งเฉย ๆ สักครู่มีคนมาเรียกพี่ จะซื้อไม้แคะหู เสียงลูกค้าเรียก พี่ตื่นลุกขึ้นมาเซมาก บอกกับฉันว่าทำไม งง ๆ เอ็งขายซิ  หลังจากนั้นพี่บ่นว่ายาที่หมอให้ทำไมเจาะร่างกายจัง (เข้าใจว่าเป็นยาที่หมอให้) หลังจากนั้นรายการอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ตาค่อย ๆ บอด ปัสสาวะรั่วทั้งที่พี่ไม่เป็นเบาหวานหรือโรคไต  ต่อมีพี่ตรวจพบว่า เหรียญสมเด็จพระจักรพรรดิจีนองค์สุดท้าย 20 เหรียญ พร้อมทั้งเหรียญทองแดงโบราณขนาดปากถ้วยหายไป 20 เหรียญ เช่นกัน และยังมีคีมคีปชนิดดิเลิศติดราคา 400-700 บาท หายไป  สร้อยเงินอีกหลายกำมือ หลายพวง หายไป  พี่หาเรื่องฉันทุกวัน  เล่าให้น้องชายน้องสะใภ้รวมรุมสะกัมด้วย เพราะคิดว่าฉันคือคนเอาไป  พี่ใช้อารมณ์กับฉันบ่อยมาก เพราะของเหล่านั้นมีมูลค่าหลายสิบล้าน  ปลายปี 2551  ฉันสังเกตอาการพี่รุนแรงมาก พี่ตาบอดแล้ว เริ่มใส่เสื้อกลับหลัง หาของไม่เจอ เดินหกล้ม พี่หาหมอมาตลอดด้วยโรคความดันและไขมัน  แต่หมอตรวจไม่ออกว่าถูกป้ายยา  พี่จำไม่ได้เลยถูกป้ายยา หรือมีคนร้ายมาปล้น     2 เม.ย. 52  ต้องหามส่งโรงพยาบาล ต่อมากลับมารักษาด้วยยาที่บ้าน  เข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาล อีก โดยที่หมอก็ตรวจไม่ออกว่าถูกป้ายยาทั้งตา จมูก ปาก  29 สิงหาคม 2552 พี่สิ้นใจ   ฉันมีเวลาทบทวนเหตุการณ์ จึงนึกขึ้นได้ว่าเหตุการณ์วันนั้น เป็นวันที่ฆาตกรป้ายยาและปล้น เคยได้ยินว่าโจรชั่วพวกนี้ใช้วิธีเดินไปตามร้านค้าต่าง ๆ เป็นคนแก่อยู่คนเดียวจะวางแผนมาปล้น ตามสันดานคนชั่วไม่ทำมาหากินแต่ต้องการใช้เงินและทรัพย์สินของคนอื่น หวังว่าการเปิดเผยของฉันครั้งนี้จะทำให้ผู้อื่นได้ระแวดระวัง และมีตำรวจ นักหนังสือพิมพ์ ผู้สื่อข่าว ช่วยให้จับโจรได้ในลักษณะกรรมตามสนองมัน คือขอให้มันตาบอดทั้งสองข้าง แขนและขาขาดทั้งสองข้าง
2. ปล้น กุมภาพันธ์ 2554 หญิงคนหนึ่ง วัย 39-40 เข้ามาดูสร้อย บอกว่าจะซื้อไปขายที่อังกฤษ (ขณะนั้นหน้าร้านฉันมีคนมาขายน้ำอยู่) หันรีหันขวาง บอกว่าไม่ค่อยสวย (ตัดสินใจไม่ปล้น) ต่อมา 26 เมษายน 2554 ประมาณป่าย 1 โมง กลับมาใหม่ (คนขายน้ำซึ่งจัดว่าคนโกงหนีไปแล้ว) บอกให้ฉันเอาสร้อยมาให้ดูมาก ๆ ฉันลืมเอาเครื่องคิดเลขออกไปด้วย หญิงคนนี้แสร้งทำเป็นคิดกับมือ ด้วยความซื่อ กลับเข้ามาเอาเครื่องคิดเลข เขาหยิบสร้อยใส่กระเป๋าไป ประมาณ 7-8 หมื่น ผู้หญิงคนนั้นโทรบอกพรรคพวกเขา 5 หมื่น แล้วเดินออกไปเฉย ๆ โดยไม่รีบร้อนแสดงว่าเป็นมืออาชีพ ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะทำให้คนอื่นโกรธ และเอาลูกกระสุนปืนให้ผู้หญิงคนนี้กิน
3. ปล้น โดยลูกเขยร้านรับซื้อพระเครื่องและเครื่องเงินของโบราณ ร้านนี้อยู่ใจกลางกรุง พยายามหลอกให้ฉันห่างจากเครื่องเงินที่จะขาย แล้วฉกไปทั้งหมด 3 ช่วง เสียหายประมาณ แสนนึง (เป็นสมบัติเก่า) หน้าไม่มียางอาย รูปหล่อขนาดพระเอกหนังไทย แต่นิสัยโจรชั่ว ได้ยินว่ามีลูกแล้วและอีกหน่อยจะสั่งสอนลูกได้อย่างไร หวังว่าจะได้รับกรรม เช่นเดียวกับคนที่หนึ่ง กับที่สอง
			2. ปล้น กุมภาพันธ์ 2554 หญิงคนหนึ่ง วัย 39-40 เข้ามาดูสร้อย บอกว่าจะซื้อไปขายที่อังกฤษ (ขณะนั้นหน้าร้านฉันมีคนมาขายน้ำอยู่) หันรีหันขวาง บอกว่าไม่ค่อยสวย (ตัดสินใจไม่ปล้น) ต่อมา 26 เมษายน 2554 ประมาณป่าย 1 โมง กลับมาใหม่ (คนขายน้ำซึ่งจัดว่าคนโกงหนีไปแล้ว) บอกให้ฉันเอาสร้อยมาให้ดูมาก ๆ ฉันลืมเอาเครื่องคิดเลขออกไปด้วย หญิงคนนี้แสร้งทำเป็นคิดกับมือ ด้วยความซื่อ กลับเข้ามาเอาเครื่องคิดเลข เขาหยิบสร้อยใส่กระเป๋าไป ประมาณ 7-8 หมื่น ผู้หญิงคนนั้นโทรบอกพรรคพวกเขา 5 หมื่น แล้วเดินออกไปเฉย ๆ โดยไม่รีบร้อนแสดงว่าเป็นมืออาชีพ ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะทำให้คนอื่นโกรธ และเอาลูกกระสุนปืนให้ผู้หญิงคนนี้กิน
3. ปล้น โดยลูกเขยร้านรับซื้อพระเครื่องและเครื่องเงินของโบราณ ร้านนี้อยู่ใจกลางกรุง พยายามหลอกให้ฉันห่างจากเครื่องเงินที่จะขาย แล้วฉกไปทั้งหมด 3 ช่วง เสียหายประมาณ แสนนึง (เป็นสมบัติเก่า) หน้าไม่มียางอาย รูปหล่อขนาดพระเอกหนังไทย แต่นิสัยโจรชั่ว ได้ยินว่ามีลูกแล้วและอีกหน่อยจะสั่งสอนลูกได้อย่างไร หวังว่าจะได้รับกรรม เช่นเดียวกับคนที่หนึ่ง กับที่สอง