อยากออกไปอยู่หอคนเดียว

เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ เล่าที่นี่ได้
flower shop

อยากออกไปอยู่หอคนเดียว

โพสต์ โดย flower shop »

อยากออกไปอยู่หอ ด้วยเหตุผลที่ว่า จะได้เดินทางสะดวก ทำงานสะดวก แต่ว่าลึกๆ แล้วคือ...
อยากมีเวลาให้ตัวเองเต็มร้อย อยากอยู่กับตัวเอง รู้สึกถึงภายในของตัวเอง และใช้ชีวิตจริงๆ เพราะการอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ มันไม่ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองอย่างที่ต้องการ
คิดเอาเองว่าที่ชอบและอยากอยู่คนเดียวแบบนี้อาจเป็นเพราะเจอปัญหาพ่อแม่ทะเลาะกัน มาตั้งแต่เราเป็นเด็ก ตอนนั้นก็ทะเลาะกันรุนแรงพอสมควร จนถึงตอนนี้ก็ทะเลาะแต่ไม่รุนแรงเท่าเมื่อก่อน ตอนนั้นเราเลยไม่รู้จะหันหน้าเข้าหาใคร จึงหันหน้าเข้าหาตัวเอง เก็บตัวเอง เล่นคนเดียว คุยคนเดียว ปลอบใจตัวเอง ก็พอให้ผ่านพ้นวันร้ายๆ ที่ต้องฟังเสียงคนที่เรารักทั้งสองคนมาบาดหมางกัน จนชิน จนรู้สึกว่าความสุขคือการได้อยู่คนเดียว
แต่ก็ไม่ได้ปิด ก็มีบางเรื่องราวที่เปิดได้ไม่หมด เพราะเราคิดว่าบางครั้งพ่อกับแม่ก็อาจจะหัวโบราณไปในบางเรื่อง ทำให้แม้เราจะยังพูดไม่จบ ท่านก็พร้อมจะไม่เห็นด้วยทันที
อย่างเรื่องการจะออกไปอยู่หอ เราก็ให้เหตุผลไปสองอย่างที่บอกไปตอนต้น แต่คืออยากมีเวลาดูเเลตัวเอง ออกกำลังกาย กินมังสวิรัติ มันลำบากมากนะที่เราจะกินมังทั้งๆ ที่ต้องทำกับข้าวที่มีเนื้อให้พ่อแม่กิน จริงๆ แล้วอยากให้แม่ทำกับข้าวให้กินมากๆ เพราะแม่ทำอร่อย ติดอยู่ที่ว่าแม่ขี้เกียจทำ และรับจ้างทำงานอื่น เพราะฐานะที่บ้านไม่ดีมาก แม่เลยเป็นคนเห็นแก่เงินมากชนิดที่ทำงานรับจ้างได้ทั้งวันทั้งคืน
ส่วนอีกเรื่องคือที่บ้านมีหลานสองคน เข้าโรงเรียนแล้ว ครอบครัวเราก็มีความสุขอย่างที่ครอบครัวอื่นๆ มีนั่นล่ะ แม่ของเด็กสองคนนี้ก็คือพี่สาวแท้ๆ ของเรา นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความกดดัน ความกระอักกระอ่วน และความเครียดทั้งหลาย
พี่สาวทำงานกลับบ้านดึก เงินเดือนที่ได้ต้องแบ่งจ่ายหลายอย่าง ความสงสารนางก็สงสาร ก็พยายามช่วยดูแลลูกให้นางเท่าที่ทำได้ ส่วนแม่ก็เลี้ยงหลานไปด้วย ทำงานรับจ้างพิเศษไปด้วย
สิ่งที่ทำให้บ้านนั้นไม่น่าอยู่คือ แม่ชอบบ่น หลายครั้งที่มักจะปนคำด่ามาด้วย เมื่อบ่นปนด่าแล้วไม่ได้ผล คือคนที่ถูกบ่นไม่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แม่จะด่าแรงขึ้น ส่วนใหญ่ไม่หยาบคาย แต่แรงชนิดที่ไม่ได้ผุดได้เกิด จนคนถูกบ่นปนด่า เริ่มรู้สึกแย่มาก
แม่ก็ทำงานบ้านปกติ สลับทำกับงานรับจ้างพิเศษ ที่ทำตอนไหนก็ได้ ทำเยอะก็ได้เยอะ ประมาณนี้ จนงานดูแลหลานเป็นงานรอง และมักจะใช้สมาร์ทโฟนเป็นตัวหยุดความซุกซนของหลานอยู่บ่อยๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าช่วงปิดเทอมของเราจะขนาดไหน งานทุกอย่างของแม่ แทบจะเป็นของเรา แม่อยากให้ช่วยทำงานรับจ้างพิเศษจะได้ได้เงินเพิ่มเยอะๆ ซึ่งเราก็ได้ส่วนแบ่งจากแม่มาเหมือนกัน และก็ยุติธรรมดี แต่มันเป็นงานรับจ้างพิเศษที่จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ และเยอะแค่ไหนก็ได้แล้วแต่ขยัน ซึ่งบางครั้งเราก็รู้สึกขี้เกียจบ้าง รู้สึกว่ามันดูดเวลาบ้าง แต่แม่ก็อยากให้เราทำเยอะๆ มีว่าบ้าง ว่าเราขี้เกียจ เราก็พยายามไปทำอย่างอื่นทดแทน เช่นทำงานบ้าน หรือไม่ก็ดูแลหลาน เช่นดูเรื่องทำการบ้าน พาเล่นบ้าง ขณะที่แม่นั่งทำงานพิเศษงกๆ ทั้งวัน
เราอาจจะดูสบายไปเลยเมื่อเทียบกับแม่เเละพี่ แต่เรายังเรียนอยู่นะ ไม่รู้สิ แต่คนอายุเท่าเราจะมาเรียกร้องหาความรับผิดชอบ ให้ทำนู่นทำนี่ ให้ทำเพื่อคนอื่นได้ขนาดไหนกัน นี่มันวัยค้นหาตัวเอง นี่มันวัยใจแตก วัยดื้อหัวรั้น วัยท้าทายตัวเอง วัยที่มองหาความภาคภูมิใจในตัวเอง อยากออกไปดูโลก ออกไปเที่ยว ออกไปลองผิดพลาด (โปรดอย่าคิดว่ามันตะต้องเป็นไปในทางวัยรุ่นใจแตกอย่างเดียว) เช่น ออกไปเที่ยวต่างจังหวัด เที่ยวเมืองนอก ออกไปผิดพลาด เช่น ไปทำงาน (อาจผิดพลาดจนถูกไล่ออกหรือหนีงานออกมาเอง)
ไม่อยากอยู่บ้านแบบง่อยๆ แล้วโดนแม่บ่นปนด่าไปวันๆ เรียนหนังสือเฉยๆ มันรู้สึกง่อย เพราะมันสบายเกินไป อันนี้รู้ เพราะการเรียนมันสบายที่สุดแล้ว อยากทำงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อจะได้ไม่ขอเงินพ่อแม่ใช้ แล้วพอเหนื่อจากเรียนและทำงานก็อยากกลับมาแผ่ตัวนอนโดยไม่ต้องมีภาระเลี้ยงหลานและทำงานบ้าน
อยากให้แม่กลับมาเป็นแม่บ้านที่ทำงานบ้านเป็นหลักเหมือนเดิม ไม่ใช่ทำงานรับจ้างพิเศษเป็นหลัก แล้วเลี้ยงหลานปกติ ถ้าแม่เลิกด่าได้ บ้านคงจะน่าอยู่ขึ้น ไม่ใช่ไม่เคยคุยกับแม่ตรงๆ ก็เคยเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ใช่ว่าคนเราจะเปลี่ยนกันได้ทุกอย่าง

สรุปคืออยากเรียนให้ได้ดี อยากทำงานให้ภาคภูมิ และอยากให้รางวัลตัวเองอย่างเหมาะสม เวลาในชีวิตคนเรามันก็มีเท่าๆ กัน แต่ในช่วงวัยที่เรายังมีเรี่ยวแรงก็อยากจะใช้ไปในทางที่เราต้องการจริงๆ ไม่อยากให้วันข้างหน้าต้องมาเสียดายว่าทำไมเราไม่เด็ดขาดตัดสินใจในสิ่งที่เราต้องการจริงๆ
แค่อยากมีชีวิตที่มีสัดส่วนพอดี บางทีบางครั้งที่เรามีน้ำใจช่วยคนอื่นมากๆ มันไม่ใช่แค่ดูดพลังชีวิตเรา แต่มันอาจทำให้คนที่เราช่วยเขาชินจนไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขามีศักยภาพแค่ไหน
ตอบกลับโพส