โดย BlueRose » 25 ก.พ. 2015 01:15
อีก16วันจะถึงวันเกิดอายุครบ25ปีของฉัน วันนี้ฉันได้ถามตัวเองว่า จะ25ปีแล้วนะมีชีวิตอยู่มานานพอรึยัง?
ฉันไม่ได้ตอบ แต่ฉันรู้สึกว่า พอแล้ว พอเถอะ พอ...
ทั้งๆที่มีเฟสบุคแต่ฉันเลือกจะมาเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันที่นี้ เพราะฉันไม่อยากถูกมองว่ากำลังเรียกร้องความสนใจ
ไม่อยากถูกหาว่าสร้างกระแส สิ่งที่ฉันรู้สึก ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นภายในตัวฉัน มันคือความเศร้า ความเหงา
ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้ ความทุกข์ใจ เป็นความกดดัน และความโกรธ ซึ่งมันมีอยู่ในตัวฉันจริงๆ
ไม่ได้ถูกปรุงแต่งขึ้นมาแค่เพื่อให้คนอื่นมากดถูกใจ หรือคอมเม้นอะไรไปต่างๆนาๆ ดังนั้นเฟสบุคจึงไม่ใช่ทางเลือก
ฉันมีชีวิตที่ไม่ได้ต่างจากคนทั่วไป อาจจะนับว่าดีพอใช้เลยด้วยซ้ำ มีครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้า
มีบ้าน ที่มีทุกอย่าง ได้เรียนโรงเรียนดีๆ แม้ว่าจะไม่ถึงกับหรูหรา แต่ก็นับว่าเป็นชีวิตที่ดูสุขสบาย
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มป่วย...
(ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันเป็นว่าอาการป่วยทางจิตใจแบบนึง อาจจะซึมเศร้า หรือเก็บกด หรืออะไรที่มันไม่ปกติ)
ฉันเป็นเด็กที่อารมณ์มากๆตั้งแต่เป็นทารก แม่บอกว่า ไม่ค่อยงอแง หิว ไม่สบายตัว ง่วงนอน ตื่นนอน ก็ไม่ค่อยร้อง
ฉันเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายและร่าเริ่ง หัวเราะและยิ้มทั้งวัน แม่บอกแบบนั้น...
โตมาอีกหน่อยฉันก็เริ่มมีอะไรแปลกๆ เช่น เหม่อลอย เวลาดูทีวีก็จะหลุดจากโลกรอบตัว ทำอะไรอยู่ก็ค้างท่าไหนท่านั้น
เวลาเรียนก็มีสมาธิบ้างไม่มีสามาธิบ้าง ส่วนใหญ่ชอบวาดรูป แล้วก็ไม่เคยอ่านโจทย์ข้อสอบได้เกินหน้าแรก
ก็จะกามั่วให้มันจบๆไปเกรดก็อยู่แค่56-58%ตลอด
แม่คิดว่าลูกคงไม่ฉลาดเท่าไหร่ก็เลยไม่ได้บังคับให้เรียนเท่าที่จะเรียนได้ แต่พออยู่ป.6 จะต่อม1 ถ้าเกรดไม่ถึง60
จะเรียนต่อที่เดิมไม่ได้ก็เลยตั้งใจสอบแล้วก็ผ่านมาได้ ม.ต้นก็ตั้งใจขึ้นมาหน่อยเพื่อที่จะให้ต่อม.ปลายได้ต้อง65%ขึ้น
ก็เรียนๆเล่นๆตามประสาเด็ก ก็จัดว่าเรียนอยู่ลำดับกลางๆลงมาท้ายนิดๆ แต่ตอนมีสอบวัดระดับEQตอนม.3
ฉันกลับได้ที่2ของห้อง เพื่อนทุกคนคิดว่าต้องตรวจข้อสอบผิดแน่ๆ แต่ก็ไม่มีใครพิสูจอะไรได้ แม้แต่ตัวฉันเอง
ฉันรู้แค่ว่ามันเป็นข้อสอบที่สนุกดี แม่ภูมิใจกับฉันมากเล่าให้คนอื่นฟังไปทั่ว ไม่รู้ว่าเค้าจะรู้มั้ยว่าสอบวัดEQคืออะไร
เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าการทำให้แม่ภูมิใจได้นั้น มันรู้สึกดีมากๆจริงๆ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเกือบจะปกติดี
ในช่วงที่ฉันเข้าสู่วัยรุ่น ฉันไม่เคยเป็นเด็กเก็บตัว ปิดตัวอยู่ในห้อง หรือมีโลกส่วนตัวแบบเด็กคนอื่น
ฉันไม่เคยมีโลกส่วนตัวแบบนั้น แต่ฉันก็ถูกจัดว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงมากคนนึง
เพราะฉันมักจะสนใจในสิ่งที่ต่างจากคนอื่นแล้วก็ชอบพูดอะไรที่บางทีคนอื่นก็ไม่เข้าใจ
ฉันมีฉายาว่าเป็นลูกสาวมนุษย์ต่างดาว แน่นอนว่านานๆไปฉันก็เริ่มพูดน้อยลงและเปลี่ยนมาฟังมากขึ้น
ฉันเป็นเด็กกล้าแสดงออก มีจินตนาการล้นสมอง ถนัดงานศิลปะ และคิดเป็นภาพเหมือนฉายหนังตลอดเวลาในสมอง
มันทำให้ฉันหลุดเข้าไปในหัวตัวเองบ่อยๆ ก็เลยชอบเหม่อลอย ถ้าฉันไม่ตั้งใจจำ ฉันจะจำอะไรไม่ได้เลย
ทั้งที่กล้าแสดงออกแต่ฉันกลับกลัวการพูดคุยกับคนแปลกหน้าแบบตัวต่อตัวมาก กลัวการคุยโทรศัพท์กับคนแปลกหน้า
ฉันไม่กล้าสั่งอาหารเอง ไม่กล้าถามราคาสินค้า แต่พอโตก็ดีขึ้นมาบ้างไม่ใช่ว่าหายกลัว แต่มันจำเป็นต้องทำก็เลยทำ
ฉันจำไม่ได้ว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน แล้วเกิดขึ้นได้ยังไงที่ฉันเริ่มร้องไห้คนเดียว มันจะเป็นวงจรที่วนซ้ำ
คือมีชีวิตปกติดีทุกอย่าง แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่ามันไม่เหลือสิ่งดีๆในชีวิตอีกต่อไป ทุกอย่างหน้าเบื่อ ไม่มีอะไรดีเลย
ทุกอย่างกรวงและฉันก็ร้องไห้ ไม่นานความรู้สึกพวกนั้นก็หายไป ชีวิตกลับมาปกติฉันเรียน เที่ยวเล่น มีความรัก
ดีบ้าง แย่บ้างสลับกันไป แล้วโลกก็
อีก16วันจะถึงวันเกิดอายุครบ25ปีของฉัน วันนี้ฉันได้ถามตัวเองว่า จะ25ปีแล้วนะมีชีวิตอยู่มานานพอรึยัง?
ฉันไม่ได้ตอบ แต่ฉันรู้สึกว่า พอแล้ว พอเถอะ พอ...
ทั้งๆที่มีเฟสบุคแต่ฉันเลือกจะมาเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันที่นี้ เพราะฉันไม่อยากถูกมองว่ากำลังเรียกร้องความสนใจ
ไม่อยากถูกหาว่าสร้างกระแส สิ่งที่ฉันรู้สึก ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นภายในตัวฉัน มันคือความเศร้า ความเหงา
ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้ ความทุกข์ใจ เป็นความกดดัน และความโกรธ ซึ่งมันมีอยู่ในตัวฉันจริงๆ
ไม่ได้ถูกปรุงแต่งขึ้นมาแค่เพื่อให้คนอื่นมากดถูกใจ หรือคอมเม้นอะไรไปต่างๆนาๆ ดังนั้นเฟสบุคจึงไม่ใช่ทางเลือก
ฉันมีชีวิตที่ไม่ได้ต่างจากคนทั่วไป อาจจะนับว่าดีพอใช้เลยด้วยซ้ำ มีครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้า
มีบ้าน ที่มีทุกอย่าง ได้เรียนโรงเรียนดีๆ แม้ว่าจะไม่ถึงกับหรูหรา แต่ก็นับว่าเป็นชีวิตที่ดูสุขสบาย
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มป่วย...
(ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันเป็นว่าอาการป่วยทางจิตใจแบบนึง อาจจะซึมเศร้า หรือเก็บกด หรืออะไรที่มันไม่ปกติ)
ฉันเป็นเด็กที่อารมณ์มากๆตั้งแต่เป็นทารก แม่บอกว่า ไม่ค่อยงอแง หิว ไม่สบายตัว ง่วงนอน ตื่นนอน ก็ไม่ค่อยร้อง
ฉันเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายและร่าเริ่ง หัวเราะและยิ้มทั้งวัน แม่บอกแบบนั้น...
โตมาอีกหน่อยฉันก็เริ่มมีอะไรแปลกๆ เช่น เหม่อลอย เวลาดูทีวีก็จะหลุดจากโลกรอบตัว ทำอะไรอยู่ก็ค้างท่าไหนท่านั้น
เวลาเรียนก็มีสมาธิบ้างไม่มีสามาธิบ้าง ส่วนใหญ่ชอบวาดรูป แล้วก็ไม่เคยอ่านโจทย์ข้อสอบได้เกินหน้าแรก
ก็จะกามั่วให้มันจบๆไปเกรดก็อยู่แค่56-58%ตลอด
แม่คิดว่าลูกคงไม่ฉลาดเท่าไหร่ก็เลยไม่ได้บังคับให้เรียนเท่าที่จะเรียนได้ แต่พออยู่ป.6 จะต่อม1 ถ้าเกรดไม่ถึง60
จะเรียนต่อที่เดิมไม่ได้ก็เลยตั้งใจสอบแล้วก็ผ่านมาได้ ม.ต้นก็ตั้งใจขึ้นมาหน่อยเพื่อที่จะให้ต่อม.ปลายได้ต้อง65%ขึ้น
ก็เรียนๆเล่นๆตามประสาเด็ก ก็จัดว่าเรียนอยู่ลำดับกลางๆลงมาท้ายนิดๆ แต่ตอนมีสอบวัดระดับEQตอนม.3
ฉันกลับได้ที่2ของห้อง เพื่อนทุกคนคิดว่าต้องตรวจข้อสอบผิดแน่ๆ แต่ก็ไม่มีใครพิสูจอะไรได้ แม้แต่ตัวฉันเอง
ฉันรู้แค่ว่ามันเป็นข้อสอบที่สนุกดี แม่ภูมิใจกับฉันมากเล่าให้คนอื่นฟังไปทั่ว ไม่รู้ว่าเค้าจะรู้มั้ยว่าสอบวัดEQคืออะไร
เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าการทำให้แม่ภูมิใจได้นั้น มันรู้สึกดีมากๆจริงๆ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเกือบจะปกติดี
ในช่วงที่ฉันเข้าสู่วัยรุ่น ฉันไม่เคยเป็นเด็กเก็บตัว ปิดตัวอยู่ในห้อง หรือมีโลกส่วนตัวแบบเด็กคนอื่น
ฉันไม่เคยมีโลกส่วนตัวแบบนั้น แต่ฉันก็ถูกจัดว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงมากคนนึง
เพราะฉันมักจะสนใจในสิ่งที่ต่างจากคนอื่นแล้วก็ชอบพูดอะไรที่บางทีคนอื่นก็ไม่เข้าใจ
ฉันมีฉายาว่าเป็นลูกสาวมนุษย์ต่างดาว แน่นอนว่านานๆไปฉันก็เริ่มพูดน้อยลงและเปลี่ยนมาฟังมากขึ้น
ฉันเป็นเด็กกล้าแสดงออก มีจินตนาการล้นสมอง ถนัดงานศิลปะ และคิดเป็นภาพเหมือนฉายหนังตลอดเวลาในสมอง
มันทำให้ฉันหลุดเข้าไปในหัวตัวเองบ่อยๆ ก็เลยชอบเหม่อลอย ถ้าฉันไม่ตั้งใจจำ ฉันจะจำอะไรไม่ได้เลย
ทั้งที่กล้าแสดงออกแต่ฉันกลับกลัวการพูดคุยกับคนแปลกหน้าแบบตัวต่อตัวมาก กลัวการคุยโทรศัพท์กับคนแปลกหน้า
ฉันไม่กล้าสั่งอาหารเอง ไม่กล้าถามราคาสินค้า แต่พอโตก็ดีขึ้นมาบ้างไม่ใช่ว่าหายกลัว แต่มันจำเป็นต้องทำก็เลยทำ
ฉันจำไม่ได้ว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน แล้วเกิดขึ้นได้ยังไงที่ฉันเริ่มร้องไห้คนเดียว มันจะเป็นวงจรที่วนซ้ำ
คือมีชีวิตปกติดีทุกอย่าง แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่ามันไม่เหลือสิ่งดีๆในชีวิตอีกต่อไป ทุกอย่างหน้าเบื่อ ไม่มีอะไรดีเลย
ทุกอย่างกรวงและฉันก็ร้องไห้ ไม่นานความรู้สึกพวกนั้นก็หายไป ชีวิตกลับมาปกติฉันเรียน เที่ยวเล่น มีความรัก
ดีบ้าง แย่บ้างสลับกันไป แล้วโลกก็