ฉันก็คือฉัน

ตอบกระทู้

รหัสยืนยัน
ให้พิมพ์รหัสตามที่เห็นในรูปภาพ กรุณาพิมพ์ตัวอักษรเล็ก-ใหญ่ให้ถูกต้อง และไม่มีเลขศูนย์
รูปแสดงอารมณ์
:D :) ;) :( :o :shock: :? 8-) :lol: :x :P :oops: :cry: :evil: :twisted: :roll: :!: :?: :idea: :arrow: :| :mrgreen: :geek: :ugeek:

BBCode เปิด
[img] เปิด
[flash] ปิด
[url] เปิด
[Smile icon] เปิด

กระทู้แนะนำ
   

มุมมองที่ขยายได้ กระทู้แนะนำ: ฉันก็คือฉัน

ฉันก็คือฉัน

โดย เปล่า » 26 พ.ค. 2021 23:16

ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเอง
เวลาที่ต้องตัดสินใจ มักจะเอาความคิดของคนอื่นมาเป็นตัวตัดสินเสมอ

ไม่รู้จักรักตัวเอง
แต่อยากให้คนอื่นรักตัวเอง

ไม่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง
อยากได้อะไรไม่กล้าบอก
รู้สึกว่าตัวเองไม่สิทธิ์?
ทั้งๆที่จริงๆแล้วทุกคนมีสิทธิ์ ในการกระทำทุกอย่างอยู่แล้ว

ไม่เห็นข้อดีของตัวเอง

แต่กับ คนที่เราชอบ (ไอดอลของเรา) ถ้าคนนั้นทำอะไรผิด
เรามักจะให้อภัย เมตตา ไม่กดดัน บอกคนนั้นให้ทำตัวสบายๆ ชิวๆเข้าไว้

แต่เรากลับทำกับตัวเองไม่ได้เลย
สิ่งนี้ถือว่าเป็นการไม่รักตัวเอง

มันจะมีอยู่ช่วงนึง เมื่อไม่นานมานี้หรอก
เราอยากได้ความรักจากพ่อแม่บ้าง แทนการได้รับแต่เงิน
เราก็พอรู้อยู่นะว่าการหาเงินมันยาก

แต่ถ้าเลือกที่จะมีลูกแล้วก็ควรจะดูแลหน่อยมั้ย?

ไม่ใช่ให้แต่เงิน

งั้นต่อไปนี้จะฝึก Focus กับตัวเอง จะโอบกอดตัวเอง
จะให้อภัยตัวเอง เวลาทำผิด
เพราะตราบใดที่เรายังเป็นมนุษย์ เราก็มีโอกาสให้ทำผิดได้เสมอ

และตลอดเส้นทางการใช้ชีวิต
เราจะยังคงทำผิดได้เสมอ
อย่าได้คิดมากจนเกินไปเลยนะ

การที่ได้ตื่นขึ้นมา แล้วมีลมหายใจ
ก็น่า Appreciate อยู่พอสมควรแล้วนะ

มันโอเคนะเว้ยการที่เราจะมีจุดด้อย
มันไม่ได้แย่ที่เราจะกล้าพูดออกมาดังๆกับตัวเองว่า "ฉันเป็นคนมีปม"

ฉันไม่สนใจว่าใครจะมามีอิทธิพลกับฉันอีกต่อไป
ฉันจะกล้าที่จะยอมรับ ว่าฉันไม่ได้สมบูรณ์แบบ!!

ใช่!! ฉันจะไม่เพิกเฉยต่อตนเอง
ฉันจะดูแลตัวเอง
รักษาความสะอาด สุขอนามัยให้ดี

พ่อแม่เหรอ?
พี่เหรอ?

ถ้าไม่ดีก็ไม่ต้องสนใจนะ
ชีวิตเป็นของเรานับต่อจากนี้

อย่าไปกลัว!!!!

ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองเข้าไว้

ไม่ชอบบอก ก็บอกไปว่าไม่ชอบ
ไม่อยากกิน ก็บอกออกไปว่าไม่อยากกิน

ยกตัวอย่างจากความทรงจำ:
พ่อให้เรากิน อะไรไม่รู้ขมๆจากปลาย่าง ทั้งที่มีพี่อีก 4 นั่งกินอยู่ด้วยกัน แต่พ่อให้เรากินคนเดียว (ซึ่งมันโคตรไม่อร่อย อยากจะอ้วก)
แต่พี่อ้างว่ามันดี กินแล้วฉลาดเอย กินแล้วดีบ้างเอยล่ะ

เอาล่ะมาดูว่ากันถ้าเราเป็นเรา
แล้วเราซื่อสัตย์กับตัวเอง
บอกกับพ่อไปเลยตรงๆว่า

L ไม่กิน Lว่ามันไม่อร่อย ขอบคุณค่ะ

เอาล่ะ ทีนี้เรามาดูของฝั่งความกลัวที่เกิดขึ้นจริงดีกว่า

ฉันในตอนนั้นเลือกที่จะ ฝืนกินเข้าไป แทบร้อง!!
จนผ่านมันไปได้

แต่!!! แต่!
มันทำให้ Self Esteem เราลดลงไปเยอะมากๆเลย
มันเป็นผลเสียมากกว่านั้น

สิ่งที่พ่อทำกับเรา แล้วเค้าคิดว่าดี กลับกลายเป็น
จุดเล็กๆ ให้หลายเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง

มาดูฝั่งของแม่กันบ้าง
แม่?
ความทรงจำเกี่ยวกับแม่ แทบไม่มีเลย

เอา ณ ปัจจุบันก่อนล่ะกัน

ตอนกินข้าว พอพี่ๆเริ่มโต เราบูกคนเล็กที่ยังเรียนอยู่
จะเป็นผู้ช่วยทำอาหารให้กับพ่อ

พอทำเร็จจะเอาไปทานกันใน Office พร้อมๆกับแม่ (3 คนพ่อ แม่ ลูก)

ส่วนใหญ่แม่เราจะตักกับไปทานส่วนตัวที่โต๊ะตัวเอง พร้อมกับดูซีรี่ย์ไปพลางๆ

_____________________________________________________

นึกถึงอดีตกันบ้าง:

เอาเฉพาะวัยเด็กของฉันคนเดียว ไม่รับของพี่
เพราะนี่ก็เคยคุยกับพี่เหมือนกันว่า
เราโดนแบบเดียวกัน

นั่นสิ

พ่อ ทำหน้าที่เป็นนายช่างใหญ่ ผลิตเครื่อง (สุดเจ๋ง!! เก่งมากๆ เรายอมรับเลย ภูมิใจมากๆ)
พ่อ เป็นคน ปสด. รุ่นเก่าที่ถูกสอนมาว่า ถ้าเด็กอยู่เฉยๆคือ เด็กขก. หรือการนั่งอยู่หน้าจอคอมคือเด็ก เล่นแต่เกม

ซึ่งความเป็นจริง ทำงานบ้าง เรียนออนไลน์บ้างล่ะ เอาเถอะ ล้านเหตุผล
ไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจหรอก

พ่อแม่ ไม่เคยสอนการบ้าน
พ่อ มักจะเป็นคนพาไปส่งที่รร. ตั้งแต่เด็กยันโต
แม่ ไม่เคยพาไปส่งที่รร.
แม่ ทำกับข้าวนานๆๆๆๆครั้ง
พ่อ ทำกับข้าว ไปตลาดซื้อกับข้าว ซื้อของเข้าบ้าน

เอาจริงๆพ่อเรา เป็นสามีผู้สปอยภรรยามาโดยตบอด ตั้งแต่แต่งงานจนถึงทุกวันนี้

แต่ใครจะเชื่อว่า แม่ฉัน กลายเป็นโดนสามีรังแกฉัน ไปซะแล้ว...

แม่ฉันไม่เคยพอใจอะไรเลยในชีวิต
พยายามมาโดยตลอด โดนเลี้ยงดูมาแบบ พี่สาวคนโตของบ้าน

ต้องพยายามอย่างหนัก ต้องหาเงิน
โดยที่เป็นพส.ที่คอยช่วยเหลือแม่แท้ๆหาเงินให้น้องๆได้เรียนหนังสือ

การที่ยิ่งลำบาก นั่นอาจหมายความได้ว่าเรายิ่งเจอแต่เรื่องเลวร้าย
แล้วทำไม การที่คนเราได่พบเจอความทุกข์มาโดยตลอด
จนวันหนึ่ง เธอคนนั้นก็ได้พบเจอของขวัญที่จะมาเปลี่ยนชีวิตของเธอ
แต่เธอไม่เคย มองเห็นคุณค่าของเราเลย
นั่นคือ การมีสามีที่ดี ไม่นอกใจ รักเธอคนเดียว ยอมเธอทุกอย่าง
มีลูกด้วยกัน ลูกที่เธอไม่เคยสนใจ เธอที่ไม่เคยสอนการบ้าน
ลูกที่เธอไม่ค่อยกินข้าวร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน แต่กลับเลือกที่จะตักออกไปทานแยกคนเดียว


เมื่อถึงเวลาหนึ่ง
ช่วงวัยที่ลูกๆทั้ง 5 เริ่มออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง กลับไม่มีลูกคนไหนเลย
ที่อยากโทรกลับมาหาเธอสักคนเดียว
เว้นซะแต่ลูกคนกลาง
ที่เป็นอาถรรพ์ หรือความเชื่อก็ว่าได้
ที่ว่ากันว่า
ลูกคนกลาง มักจะเป็นผู้แบกรับความรู้สึก ของพ่อแม่ และพี่น้องเสมอ

มีอยู่มาวันหนึ่ง
วันที่เธอเล่น Facebook แล้วเธอก็ได้ไปเจอเพื่อนร่วมงานของลูกสาวคนกลาง ที่เธอมักจะได้ยินเรื่องเล่าเสมอ
ว่าแม่คนนั้น มักจะทำกิจกรรมร่วมกับลูกสาวของเธอเสมอ
และมักจะโพสต์รูปน่ารักๆ ที่ทำร่วมกับลูกสาวของเธอ

สิ่งนั้นมันทำให้แม่ของฉันเริ่มมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง
เกี่ยวกับ ความทรงจำของเธอเองและลูกๆของเธอ
.......... ว่างเปล่า ............
:?:

ข้างบน