เมื่อฉันเริ่มถามตัวเองว่ามีชีวิตอยู่มานานพอรึยัง?

เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ เล่าที่นี่ได้
BlueRose

เมื่อฉันเริ่มถามตัวเองว่ามีชีวิตอยู่มานานพอรึยัง?

โพสต์ โดย BlueRose »

อีก16วันจะถึงวันเกิดอายุครบ25ปีของฉัน วันนี้ฉันได้ถามตัวเองว่า จะ25ปีแล้วนะมีชีวิตอยู่มานานพอรึยัง?
ฉันไม่ได้ตอบ แต่ฉันรู้สึกว่า พอแล้ว พอเถอะ พอ...

ทั้งๆที่มีเฟสบุคแต่ฉันเลือกจะมาเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันที่นี้ เพราะฉันไม่อยากถูกมองว่ากำลังเรียกร้องความสนใจ
ไม่อยากถูกหาว่าสร้างกระแส สิ่งที่ฉันรู้สึก ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นภายในตัวฉัน มันคือความเศร้า ความเหงา
ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้ ความทุกข์ใจ เป็นความกดดัน และความโกรธ ซึ่งมันมีอยู่ในตัวฉันจริงๆ
ไม่ได้ถูกปรุงแต่งขึ้นมาแค่เพื่อให้คนอื่นมากดถูกใจ หรือคอมเม้นอะไรไปต่างๆนาๆ ดังนั้นเฟสบุคจึงไม่ใช่ทางเลือก

ฉันมีชีวิตที่ไม่ได้ต่างจากคนทั่วไป อาจจะนับว่าดีพอใช้เลยด้วยซ้ำ มีครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้า
มีบ้าน ที่มีทุกอย่าง ได้เรียนโรงเรียนดีๆ แม้ว่าจะไม่ถึงกับหรูหรา แต่ก็นับว่าเป็นชีวิตที่ดูสุขสบาย
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มป่วย...
(ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันเป็นว่าอาการป่วยทางจิตใจแบบนึง อาจจะซึมเศร้า หรือเก็บกด หรืออะไรที่มันไม่ปกติ)
ฉันเป็นเด็กที่อารมณ์มากๆตั้งแต่เป็นทารก แม่บอกว่า ไม่ค่อยงอแง หิว ไม่สบายตัว ง่วงนอน ตื่นนอน ก็ไม่ค่อยร้อง
ฉันเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายและร่าเริ่ง หัวเราะและยิ้มทั้งวัน แม่บอกแบบนั้น...
โตมาอีกหน่อยฉันก็เริ่มมีอะไรแปลกๆ เช่น เหม่อลอย เวลาดูทีวีก็จะหลุดจากโลกรอบตัว ทำอะไรอยู่ก็ค้างท่าไหนท่านั้น
เวลาเรียนก็มีสมาธิบ้างไม่มีสามาธิบ้าง ส่วนใหญ่ชอบวาดรูป แล้วก็ไม่เคยอ่านโจทย์ข้อสอบได้เกินหน้าแรก
ก็จะกามั่วให้มันจบๆไปเกรดก็อยู่แค่56-58%ตลอด
แม่คิดว่าลูกคงไม่ฉลาดเท่าไหร่ก็เลยไม่ได้บังคับให้เรียนเท่าที่จะเรียนได้ แต่พออยู่ป.6 จะต่อม1 ถ้าเกรดไม่ถึง60
จะเรียนต่อที่เดิมไม่ได้ก็เลยตั้งใจสอบแล้วก็ผ่านมาได้ ม.ต้นก็ตั้งใจขึ้นมาหน่อยเพื่อที่จะให้ต่อม.ปลายได้ต้อง65%ขึ้น
ก็เรียนๆเล่นๆตามประสาเด็ก ก็จัดว่าเรียนอยู่ลำดับกลางๆลงมาท้ายนิดๆ แต่ตอนมีสอบวัดระดับEQตอนม.3
ฉันกลับได้ที่2ของห้อง เพื่อนทุกคนคิดว่าต้องตรวจข้อสอบผิดแน่ๆ แต่ก็ไม่มีใครพิสูจอะไรได้ แม้แต่ตัวฉันเอง
ฉันรู้แค่ว่ามันเป็นข้อสอบที่สนุกดี แม่ภูมิใจกับฉันมากเล่าให้คนอื่นฟังไปทั่ว ไม่รู้ว่าเค้าจะรู้มั้ยว่าสอบวัดEQคืออะไร
เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าการทำให้แม่ภูมิใจได้นั้น มันรู้สึกดีมากๆจริงๆ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเกือบจะปกติดี
ในช่วงที่ฉันเข้าสู่วัยรุ่น ฉันไม่เคยเป็นเด็กเก็บตัว ปิดตัวอยู่ในห้อง หรือมีโลกส่วนตัวแบบเด็กคนอื่น
ฉันไม่เคยมีโลกส่วนตัวแบบนั้น แต่ฉันก็ถูกจัดว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงมากคนนึง
เพราะฉันมักจะสนใจในสิ่งที่ต่างจากคนอื่นแล้วก็ชอบพูดอะไรที่บางทีคนอื่นก็ไม่เข้าใจ
ฉันมีฉายาว่าเป็นลูกสาวมนุษย์ต่างดาว แน่นอนว่านานๆไปฉันก็เริ่มพูดน้อยลงและเปลี่ยนมาฟังมากขึ้น
ฉันเป็นเด็กกล้าแสดงออก มีจินตนาการล้นสมอง ถนัดงานศิลปะ และคิดเป็นภาพเหมือนฉายหนังตลอดเวลาในสมอง
มันทำให้ฉันหลุดเข้าไปในหัวตัวเองบ่อยๆ ก็เลยชอบเหม่อลอย ถ้าฉันไม่ตั้งใจจำ ฉันจะจำอะไรไม่ได้เลย
ทั้งที่กล้าแสดงออกแต่ฉันกลับกลัวการพูดคุยกับคนแปลกหน้าแบบตัวต่อตัวมาก กลัวการคุยโทรศัพท์กับคนแปลกหน้า
ฉันไม่กล้าสั่งอาหารเอง ไม่กล้าถามราคาสินค้า แต่พอโตก็ดีขึ้นมาบ้างไม่ใช่ว่าหายกลัว แต่มันจำเป็นต้องทำก็เลยทำ

ฉันจำไม่ได้ว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน แล้วเกิดขึ้นได้ยังไงที่ฉันเริ่มร้องไห้คนเดียว มันจะเป็นวงจรที่วนซ้ำ
คือมีชีวิตปกติดีทุกอย่าง แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่ามันไม่เหลือสิ่งดีๆในชีวิตอีกต่อไป ทุกอย่างหน้าเบื่อ ไม่มีอะไรดีเลย
ทุกอย่างกรวงและฉันก็ร้องไห้ ไม่นานความรู้สึกพวกนั้นก็หายไป ชีวิตกลับมาปกติฉันเรียน เที่ยวเล่น มีความรัก
ดีบ้าง แย่บ้างสลับกันไป แล้วโลกก็
BlueRose

Re: เมื่อฉันเริ่มถามตัวเองว่ามีชีวิตอยู่มานานพอรึยัง?

โพสต์ โดย BlueRose »

แล้วโลกก็กลับมาดำมืดอีก ฉันเป็นแบบนี้ สลับกันไปมา เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย แต่เวลาที่สภาพจิตย่ำแย่จะเป็นแค่1-3วัน
เป็นไม่นาน และทิ้งระยะเวลาพอสมควรกว่าจะกลับมาเป็นอีก
ฉันเริ่มชอบสิ่งต่างๆที่ดู มืดมนต์ dark และน่าหดหู่ ฉันเริ่มวาดรูปแนวgothic ตั้งแต่ยังไม่รู้จักคำนี้
สีดำ น้ำตา ความเศร้า เลือด มีด มักมีอยู่ในรูปวาดเล่นของฉัน ฉันเริ่มฟังดนตรีrock และแต่งตัวด้วยสีดำตลอด
ถึงแม้ว่าสิ่งที่ฉันชอบ และการแต่งตัวของฉันจะเริ่มออกไปทางสายโห และแรง แต่สำหรับคนที่รู้จักฉัน
ฉันก็ยังคงเป็นคนร่าเริ่งผอารมณ์ดี ง่องๆแง่งๆ ไม่โกรธไม่วุ่นวาย และกลัวคนแปลกหน้าหมือนเดิม
เพื่อนบอกว่าข้างนอกกับข้างในไม่เข้ากันเลยสักนิด ถ้าไม่รู้จักคงคิดว่าแกเป็นผู้หญิงแรงๆ ไม่ใช่ง่องแง่งแบบนี้
และฉันคงเป็นแบบนั้นมาตลอดจนถึงตอนนี้ คนที่ได้รู้จักฉันมักจะบอกว่า แต่งตัวไม่เข้ากับนิสัยเอาซะเลย
แต่ฉันกลับคิดว่านี่แหละฉัน ข้างในตัวฉัน มันอยากจะกรีดร้อง อยากจะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องสนใจใคร
อยากจะไม่พอใจก็โกรธ ไม่อยากจะให้ใครมายุ่ง ไม่อยากต้องคอยปั่นหน้าระรื่น ฉันถึงสร้างภาพแบบนี้
เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่อยากยุ่งกับฉัน เป็นฉันอึดอัดเวลาต้องคุยกับคนแปลกหน้า
นั้นทำให้คนที่เข้ามาในชีวิตฉัน มีแต่คนที่จำเป็นต้องรู้จักกันเท่านั้น แลัวชีวิตฉันก็ดำเนินไปแบบนี้
เป็นปกติ แล้วก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก แล้วก็กลับมาปกติ จนกระทั้งปี3ฉันจมอยู่กับความรู้สึกด้านมืด
อยู่นานเกิน3วัน จนวันที่4 วันที่5 ฉันนอนไม่ได้ ฉันทำงานส่งอาจารย์ไม่ได้ ฉันกินอะไรไม่ได้
และควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ฉันหงุดหงิดและระเบิดทันทีที่มีอะไรทำให้ไม่พอใจ
ฉันร้องไห้ทันทีที่มีอะไรกระทบความรู้สึก เพื่อนเริ่มสังเกตว่าฉันทำงานแบบขอไปทีมาส่ง
บางทีก็ไม่ส่งเลยเพราะทำไม่ทัน ทั้งๆที่ปกติจะเป็นคนบ้าพลัง
ทำงานเสร็จคนแรกของกลุ่มและชอบทำเกินคำสั่ง ฉันเหมือนผีดิบเดินได้เพราะฉันนอนไม่หลับและกินอะไรไม่ลง
ช่วงนั้นเป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากหายไปจากโลกนี้อย่างจริงจัง ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ทำยังไงถึงจะไม่ต้องรับรู้อะไรอีก
แต่ฉันก็ผ่านมันมาได้เพราะเพื่อนบังคับให้ฉันกลับไปอยู่บ้าน เพราะไม่ไว้ใจให้อยู่หอ ทุกคนรู้ว่าฉันไม่ปกติ
แต่ไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไร หรือเพราะอะไร ฉันก็เลยกลับมาอยู่บ้านและสวมหน้ากากหลอกๆเอาไว้ว่าฉันเป็นปกติ
ฉันทำงานที่บ้านโดนเลี้ยงที่จะคุยกับคนที่บ้าน เอาแต่ทำงานหมกมุ่น ไม่หลับไม่นอน ทุกคนเข้าใจว่าฉันขยัน
แต่จริงๆฉันแค่ต้องทำมันเพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรมากไปกว่าทำงานให้เสร็จ รู้ตัวอีกทีฉันก็หาย นอนหลับ กินอิ่ม
แล้วก็มีความสุขกับผลงานที่ได้ทำ แล้วก็ไม่ได้เป็นหนักๆแบบนั้นอีกเลยจนกระทั้งจบมหาลัย แน่นอนว่า
ยังมีบางช่วงเวลาที่จิตตก และร้องไห้ปะปนอยู่ในการดำเนินชีวิต แต่ภาพรวมทุกอย่างก็ปกติ
จนกระทั้งก่อนช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ฉันเริ่มรู้สึกเบื่อหนายชีวิตอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในแบบที่รุ่นแรง
มันเป็นอาการเหมือนคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมาเกี่ยวกับตัวเองและโลกรอบตัว สิ่งที่เคยทำมาและสิ่งที่กำลังจะทำ
มันช่างไร้ความหมายอะไรขนาดนี้ ทำไมมันถึงว่างปล่าวขนาดนี้ เราทำทุกอย่างมาทำไม
แล้วจะทำต่อไปเพื่ออะไร? จนกระทั้งช่วงปีใหม่ที่กำลังจะไปเที่ยว ฉันเกิดคิดขึ้นมาว่าอยากไปเที่ยวดอย
แล้วก็โดดลงมาจะหน้าผาไหนสักแห่ง แน่นอนว่าสุดท้ายก็ไม่ได้ทำ แต่ความรู้สึกในใจก็ยังคงอยู่
ฉันไม่มีแรงกระตุ้นที่จะทำอะไรอีกต่อไป ฉันอยู่ไปวันๆ หาความสุขไปวันต่อวัน วันไหนหาไม่ได้ก็เรื่อนรอยไป
ไม่มีจุดหมาย ไม่มีความฝันที่อยากไปให้ถึง มองถนนก็คิดว่าจะเดินไปให้รถชนดีมั้ย
มองลงมาจากที่สูงก็รู้สึกว่าโดดลงไปดีมั้ย ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำก็คิดว่าถ้าโดดลงไปกี่วันศพถึงจะลอยขึ้นมา
จนเริ่มคิดว่าตายแบบนั้นศพไม่สวย ตายยังไงถึงจะดีนะ


Bumped ล่าสุดโดย Anonymous on 20 เม.ย. 2019 09:45.
ตอบกลับโพส